แกะกล่องน้ำพุรุ่นใหม่ล่าสุด น้ำพุไร้สาย VooCoo , Automatic Sterilizing Pet Water Fountain
2 ปีที่ผ่านมา
น้ำพุสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่เป็นรูปแบบ Smart Fountain มีวงจรควบคุมการไหลของน้ำ มีการนับเวลาถอยหลังของแผ่นกรอง มีกลไกหรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับน้ำเพื่อความปลอดภัยไม่ให้มอเตอร์ทำงานหนักจน Overheat หากหมุนตอนที่ไม่มีน้ำ น้ำพุแบบนี้เพิ่งเกิดมาได้ประมาณแค่ 5-6 ปีเท่านั้น จึงยังมีการพัฒนาให้ล้ำขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเพิ่ม Application ดูสถานะหรือสั่งการได้จาก Smart Phone, การเพิ่มแสง UV เพื่อการกำจัดเชื้อโรค การมีกล้องวีดีโอและ AI เพื่อบันทึกและวิเคราะห์ลักษณะ การดื่มน้ำ ของแมวแต่ละตัว การเพิ่มเซ็นเซอร์การวัดค่า TDS ในน้ำ และการมีระบบไฟสำรองเพื่อให้น้ำพุทำงานต่อเนื่อง และสัตว์เลี้ยงมีน้ำดื่มขณะที่ไฟดับ
แต่มีอยู่ 1 อย่างที่ผู้ใช้น้ำพุแมวกังวลใจที่สุดคือการเสียบปลั๊กน้ำพุทิ้งไว้ขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ถึงแม้ว่าน้ำพุที่เป็นยี่ห้อแบรนด์ระดับโลกทุกแบรนด์ จะออกแบบมาป้องกันไม่ให้เกิดการชอร์ตของมอเตอร์ แต่การเห็นน้ำพุเสียบปลั๊กไฟไว้ทั้งวัน ก็เป็นความกังวลที่ยากจะละทิ้งไปได้ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา น้ำพุที่เป็น Wireless ถูกถามถึงและมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่น้ำพุ Wireless ก็ใช่ว่าจะต้องไร้สายไปเสียทีเดียว สายยังมีความจำเป็นอยู่ ซึ่งจะอธิบายต่อไปว่าทำไมนะครับ น้ำพุ Wireless ตามความเข้าใจของผู้ใช้ทั่วไปมักจะหมายถึงน้ำพุใส่ถ่าน (แบตเตอรี่) ที่พอใส่ถ่านแล้วก็ปล่อยน้ำพุให้ไหลไปเรื่อยๆได้ หรืออาจจะเป็นน้ำพุที่มีช่องเสียบ Power Bank ซึ่งมีความจุใหญ่พอที่จะให้น้ำพุทำงานโดยไม่เสียบปลั๊กได้เป็นวันๆ ทางเราขออธิบายข้อจำกัดของแต่ละแบบดังนี้ครับ :
แบบใส่ถ่าน :
ข้อจำกัดคือ ถ่านจะหมดเร็ว เพราะว่ากระแสไฟที่เก็บในถ่านจะมีไม่มากพอที่จะขับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการเหนี่ยวนำได้เป็นระยะเวลานานๆ ทำให้ต้องซื้อถ่านมาเปลี่ยนแทบจะวันเว้นวัน เปลืองตังค์มากครับ นอกจากนั้นแล้วส่วนใหญ่ต้องใส่ถ่านก้อนใหญ่ ทำให้น้ำพุต้องออกแบบให้มีช่องใส่ถ่านขนาดใหญ่หลายๆก้อนตามไปด้วย รูปร่างจึงใหญ่ เทอะทะ พอถึงเวลาใช้จริงจะหงุดหงิดกับการที่ต้องมาดูแลเครื่องมากกว่าปกติ
แบบเสียบ Power Bank :
คำตอบง่ายๆคือ ราคา Power Bank อาจจะสูงพอๆกันกับตัวเครื่องน้ำพุ ในบางรุ่นราคาก็สูงกว่า อีกทั้งยังต้องหาที่วาง Power Bank อีก ซึ่งจำให้ดูเกะกะ และไม่คุ้มค่ากับการนำ Power Bank มาเสียบใช้งานกับน้ำพุ
วันนี้เราเลยขอแนะนำน้ำพุรุ่นใหม่ล่าสุดจาก VooCoo ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการเป็น Start up ทางด้าน Pet Care Technology ทางทีมงาน Thai Smart Pet Products ได้ทำความรู้จักกับแนวทางของ VooCoo พบว่ามีความน่าสนใจในหลายจุดและคิดว่า VooCoo จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด Premium Smart Pet Products ในระดับต้นๆของโลกในเร็วๆนี้
จุดเด่นๆที่ VooCoo ออกแบบน้ำพุรุ่นนี้ก็คือ:
(1) การออกแบบสไตล์ที่เป็นแบบโมเดิร์น มีความเรียบหรู ไม่มาก ไม่น้อย เลี่ยงความจำเจในอุปกรณ์สีขาวที่เราเห็นอยู่ทั่วไป การให้สีแนว Earth Tone ทำให้เข้าได้กับการจัดวางในบ้านเกือบทุกสไตล์
(2) การใช้วัสดุพรีเมียม ผิวสัมผัส การผลิต และ การประกอบ เนี๊ยบมาก ส่วนที่โดนน้ำจะใช้วัสดุระดับ Food Grade ไม่มีส่วนผสมที่เป็นพิษ ไม่มีรูพรุนที่จะเก็บกักเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกต่างๆ
(3) ระบบความปลอดภัย เช่นเซ็นเซอร์น้ำ การตัดวงจรเมื่อน้ำหมด การทำปั๊มแบบไร้สาย ส่งพลังงานขับเคลื่อนโดยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า การทำปุ่มให้เป็น Child Lock ป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงกดเล่น รวมถึงการออกแบบให้ถังน้ำแยกออกจากตัวกล่องควบคุมแบบ ไม่มีสายไฟเชื่อมต่อใดๆ การเติมน้ำ หรือการนำถังน้ำไปจุ่มล้างน้ำ ทำได้เลยโดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าไปในระบบไฟฟ้าของน้ำพุ
(4) มีระบบกำจัดเชื้อด้วยแสง UV ติดตั้งในตัวมอเตอร์เลย จึงปิดมิดชิด แสงไม่ลอดมาสัมผัสผิวหนังได้เลย
(5) ออกแบบองศาของถาดให้เหมาะสม อยู่ในจุดที่สัตว์เลี้ยงดื่มน้ำได้อย่างสะดวก ในขณะเดียวกันก็จะได้การไหลที่เงียบ มีเสียงรบกวนออกมาน้อยมากๆ
(6) จัดการกับระบบการใช้พลังงานได้ดี โดยมีการเพิ่มแบตเตอรี่ชาร์จได้ ฝังมาในตัวเครื่อง เมื่อชาร์จเต็มจะทำงานในโหมด ECO ได้นานถึง 48 ชั่วโมง สำหรับโหมดการทำงานจะอธิบายอีกครั้ง ตอนแนะนำการใช้งานนะครับ
(7) สืบเนื่องจากข้อ 3 เมื่อมีการออกแบบให้ถังน้ำแยก การดูแล และการทำความสะอาดก็จะง่ายตามไปด้วย
ทีนี้เรามาเริ่มแกะกล่อง เพื่อเริ่มทดลองใช้งานกันดีกว่า ลำดับในการเปิดกล่องตามภาพเลยนะครับ
ตรงที่เป็นส่วนปุ่มสัมผัสนั้น สามารถหมุนได้ กรณีที่เราจะเอาถังน้ำออกไปล้างหรือเติมน้ำก็หมุนออกมาด้านนอก พอใส่ถังกลับมาก็หมุนกลับมาด้านใน เป็นการล็อกถังน้ำในตัว
ชิ้นส่วนต่างๆก็จะมีตัวฐาน , ถังน้ำ , มอเตอร์ปั๊ม , กล่องใส่แผ่นกรอง , แผ่นกรอง 1 ชิ้น , อแดปเตอร์และสาย , ถาดรองน้ำดื่ม
มอเตอร์ปั๊มเป็นแบบไร้สาย สามารถจะวางที่จะวางแบบไหนก็ได้ ขอให้อยู่ในกรอบ เพราะตรงส่วนท่อพ่นน้ำจะอยู่ตรงกันเสมอ
ส่วนแผ่นกรอง ให้นำไปใส่ในกล่องตามรูป แล้วกดล็อกกับถาดรองน้ำดื่ม
จากนั้นใช้สายอแดปเตอร์ที่มากับเครื่อง เสียบที่ขั้วด้านหลังให้แนบสนิท
เทน้ำดื่มสะอาดลงไปในถัง ไม่ให้เกินขีด Max
จากนั้นก็วางถาดเหนือถังน้ำ ให้ท่อของมอเตอร์กับท่อของถาดตรงกัน
หมุนแป้นควบคุมกลับมาอยู่ด้านในให้สุด
เริ่มเปิดใช้งาน โดยให้กดที่ปุ่มโหมด (Mode) ค้างไว้ ออกแรงกดหน่อยนะครับ กดค้างจนกว่าจะมีคำว่า Auto ปรากฎขึ้นมา ซึ่งน้ำพุก็จะเริ่มทำงานแล้วในตอนนี้
เมื่อน้ำพุทำงานแล้ว และเราต้องการจะล็อกปุ่ม ไม่ให้เด็ก หรือสัตว์เลี้ยงมากดเล่น ก็ให้กดปุ่ม Mode และ Reset พร้อมกันค้างไว้จนกว่าจะมีรูปกุญแจสีแดงปรากฎขึ้นมา ส่วนการปลดล็อกก็ทำแบบเดียวกันครับ กดค้างพร้อมกันจนกว่ารูปกุญแจสีแดงจะหายไป
น้ำพุ VooCoo มี 2 โหมด คือ
(1) Auto Mode น้ำพุจะพุ่งตลอดเวลา และ แสง UV ด้านในปั๊มจะปล่อยแสงออกมากำจัดเชื้อโรคโดยอัตโนมัติ
(2) ECO Mode เป็นโหมดประหยัดไฟ โดยที่น้ำจะไหล 3 นาที แล้วหยุดไหลไป 57 นาที ทำให้มีน้ำไปขังอยู่ที่แอ่งพักของถาดน้ำ ซึ่งแอ่งพักนี้เก็บน้ำได้ 100 ml เพียงพอสำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะดื่มในแต่ละครั้ง และจะกลับมาไหลต่ออีก 3 นาที หยุด 57 นาที วนไปทั้งวัน ซึ่งกรณีไฟดับหรือไม่เสียบปลั๊ก จะใช้ได้นานถึง 48 ชั่วโมง( กรณีแบตเตอรี่สำรองไฟ ถูกชาร์จเต็ม)
ถ้าเสียบปลั๊กอยู่น้ำพุจะเลือกให้ทำงานได้ทั้ง Auto Mode หรือ Eco Mode แต่ถ้าถอดปลั๊กหรือไฟดับ ระบบจะล็อกที่ Eco Mode โหมดเดียว กดเปลี่ยนไม่ได้
การเปลี่ยนโหมด ให้ปลดล็อกก่อน แล้วกดที่ปุ่ม Mode กดไปแต่ละครั้ง ก็จะเปลี่ยนสลับกันะหว่าง 2 โหมดนี้ โดยจะเห็นที่ไฟขึ้น Auto หรือ Eco
กรณีที่ถอดปลั๊กหรือไฟดับจะมีไฟสัญญลักษณ์รูปแบตเตอรี่สีแดงขึ้นมา พร้อมไฟโหมด Eco
แต่มีอยู่ 1 อย่างที่ผู้ใช้น้ำพุแมวกังวลใจที่สุดคือการเสียบปลั๊กน้ำพุทิ้งไว้ขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ถึงแม้ว่าน้ำพุที่เป็นยี่ห้อแบรนด์ระดับโลกทุกแบรนด์ จะออกแบบมาป้องกันไม่ให้เกิดการชอร์ตของมอเตอร์ แต่การเห็นน้ำพุเสียบปลั๊กไฟไว้ทั้งวัน ก็เป็นความกังวลที่ยากจะละทิ้งไปได้ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา น้ำพุที่เป็น Wireless ถูกถามถึงและมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่น้ำพุ Wireless ก็ใช่ว่าจะต้องไร้สายไปเสียทีเดียว สายยังมีความจำเป็นอยู่ ซึ่งจะอธิบายต่อไปว่าทำไมนะครับ น้ำพุ Wireless ตามความเข้าใจของผู้ใช้ทั่วไปมักจะหมายถึงน้ำพุใส่ถ่าน (แบตเตอรี่) ที่พอใส่ถ่านแล้วก็ปล่อยน้ำพุให้ไหลไปเรื่อยๆได้ หรืออาจจะเป็นน้ำพุที่มีช่องเสียบ Power Bank ซึ่งมีความจุใหญ่พอที่จะให้น้ำพุทำงานโดยไม่เสียบปลั๊กได้เป็นวันๆ ทางเราขออธิบายข้อจำกัดของแต่ละแบบดังนี้ครับ :
แบบใส่ถ่าน :
ข้อจำกัดคือ ถ่านจะหมดเร็ว เพราะว่ากระแสไฟที่เก็บในถ่านจะมีไม่มากพอที่จะขับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการเหนี่ยวนำได้เป็นระยะเวลานานๆ ทำให้ต้องซื้อถ่านมาเปลี่ยนแทบจะวันเว้นวัน เปลืองตังค์มากครับ นอกจากนั้นแล้วส่วนใหญ่ต้องใส่ถ่านก้อนใหญ่ ทำให้น้ำพุต้องออกแบบให้มีช่องใส่ถ่านขนาดใหญ่หลายๆก้อนตามไปด้วย รูปร่างจึงใหญ่ เทอะทะ พอถึงเวลาใช้จริงจะหงุดหงิดกับการที่ต้องมาดูแลเครื่องมากกว่าปกติ
แบบเสียบ Power Bank :
คำตอบง่ายๆคือ ราคา Power Bank อาจจะสูงพอๆกันกับตัวเครื่องน้ำพุ ในบางรุ่นราคาก็สูงกว่า อีกทั้งยังต้องหาที่วาง Power Bank อีก ซึ่งจำให้ดูเกะกะ และไม่คุ้มค่ากับการนำ Power Bank มาเสียบใช้งานกับน้ำพุ
วันนี้เราเลยขอแนะนำน้ำพุรุ่นใหม่ล่าสุดจาก VooCoo ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการเป็น Start up ทางด้าน Pet Care Technology ทางทีมงาน Thai Smart Pet Products ได้ทำความรู้จักกับแนวทางของ VooCoo พบว่ามีความน่าสนใจในหลายจุดและคิดว่า VooCoo จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด Premium Smart Pet Products ในระดับต้นๆของโลกในเร็วๆนี้
จุดเด่นๆที่ VooCoo ออกแบบน้ำพุรุ่นนี้ก็คือ:
(1) การออกแบบสไตล์ที่เป็นแบบโมเดิร์น มีความเรียบหรู ไม่มาก ไม่น้อย เลี่ยงความจำเจในอุปกรณ์สีขาวที่เราเห็นอยู่ทั่วไป การให้สีแนว Earth Tone ทำให้เข้าได้กับการจัดวางในบ้านเกือบทุกสไตล์
(2) การใช้วัสดุพรีเมียม ผิวสัมผัส การผลิต และ การประกอบ เนี๊ยบมาก ส่วนที่โดนน้ำจะใช้วัสดุระดับ Food Grade ไม่มีส่วนผสมที่เป็นพิษ ไม่มีรูพรุนที่จะเก็บกักเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกต่างๆ
(3) ระบบความปลอดภัย เช่นเซ็นเซอร์น้ำ การตัดวงจรเมื่อน้ำหมด การทำปั๊มแบบไร้สาย ส่งพลังงานขับเคลื่อนโดยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า การทำปุ่มให้เป็น Child Lock ป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงกดเล่น รวมถึงการออกแบบให้ถังน้ำแยกออกจากตัวกล่องควบคุมแบบ ไม่มีสายไฟเชื่อมต่อใดๆ การเติมน้ำ หรือการนำถังน้ำไปจุ่มล้างน้ำ ทำได้เลยโดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าไปในระบบไฟฟ้าของน้ำพุ
(4) มีระบบกำจัดเชื้อด้วยแสง UV ติดตั้งในตัวมอเตอร์เลย จึงปิดมิดชิด แสงไม่ลอดมาสัมผัสผิวหนังได้เลย
(5) ออกแบบองศาของถาดให้เหมาะสม อยู่ในจุดที่สัตว์เลี้ยงดื่มน้ำได้อย่างสะดวก ในขณะเดียวกันก็จะได้การไหลที่เงียบ มีเสียงรบกวนออกมาน้อยมากๆ
(6) จัดการกับระบบการใช้พลังงานได้ดี โดยมีการเพิ่มแบตเตอรี่ชาร์จได้ ฝังมาในตัวเครื่อง เมื่อชาร์จเต็มจะทำงานในโหมด ECO ได้นานถึง 48 ชั่วโมง สำหรับโหมดการทำงานจะอธิบายอีกครั้ง ตอนแนะนำการใช้งานนะครับ
(7) สืบเนื่องจากข้อ 3 เมื่อมีการออกแบบให้ถังน้ำแยก การดูแล และการทำความสะอาดก็จะง่ายตามไปด้วย
ทีนี้เรามาเริ่มแกะกล่อง เพื่อเริ่มทดลองใช้งานกันดีกว่า ลำดับในการเปิดกล่องตามภาพเลยนะครับ
ตรงที่เป็นส่วนปุ่มสัมผัสนั้น สามารถหมุนได้ กรณีที่เราจะเอาถังน้ำออกไปล้างหรือเติมน้ำก็หมุนออกมาด้านนอก พอใส่ถังกลับมาก็หมุนกลับมาด้านใน เป็นการล็อกถังน้ำในตัว
ชิ้นส่วนต่างๆก็จะมีตัวฐาน , ถังน้ำ , มอเตอร์ปั๊ม , กล่องใส่แผ่นกรอง , แผ่นกรอง 1 ชิ้น , อแดปเตอร์และสาย , ถาดรองน้ำดื่ม
มอเตอร์ปั๊มเป็นแบบไร้สาย สามารถจะวางที่จะวางแบบไหนก็ได้ ขอให้อยู่ในกรอบ เพราะตรงส่วนท่อพ่นน้ำจะอยู่ตรงกันเสมอ
ส่วนแผ่นกรอง ให้นำไปใส่ในกล่องตามรูป แล้วกดล็อกกับถาดรองน้ำดื่ม
จากนั้นใช้สายอแดปเตอร์ที่มากับเครื่อง เสียบที่ขั้วด้านหลังให้แนบสนิท
เทน้ำดื่มสะอาดลงไปในถัง ไม่ให้เกินขีด Max
จากนั้นก็วางถาดเหนือถังน้ำ ให้ท่อของมอเตอร์กับท่อของถาดตรงกัน
หมุนแป้นควบคุมกลับมาอยู่ด้านในให้สุด
เริ่มเปิดใช้งาน โดยให้กดที่ปุ่มโหมด (Mode) ค้างไว้ ออกแรงกดหน่อยนะครับ กดค้างจนกว่าจะมีคำว่า Auto ปรากฎขึ้นมา ซึ่งน้ำพุก็จะเริ่มทำงานแล้วในตอนนี้
เมื่อน้ำพุทำงานแล้ว และเราต้องการจะล็อกปุ่ม ไม่ให้เด็ก หรือสัตว์เลี้ยงมากดเล่น ก็ให้กดปุ่ม Mode และ Reset พร้อมกันค้างไว้จนกว่าจะมีรูปกุญแจสีแดงปรากฎขึ้นมา ส่วนการปลดล็อกก็ทำแบบเดียวกันครับ กดค้างพร้อมกันจนกว่ารูปกุญแจสีแดงจะหายไป
น้ำพุ VooCoo มี 2 โหมด คือ
(1) Auto Mode น้ำพุจะพุ่งตลอดเวลา และ แสง UV ด้านในปั๊มจะปล่อยแสงออกมากำจัดเชื้อโรคโดยอัตโนมัติ
(2) ECO Mode เป็นโหมดประหยัดไฟ โดยที่น้ำจะไหล 3 นาที แล้วหยุดไหลไป 57 นาที ทำให้มีน้ำไปขังอยู่ที่แอ่งพักของถาดน้ำ ซึ่งแอ่งพักนี้เก็บน้ำได้ 100 ml เพียงพอสำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะดื่มในแต่ละครั้ง และจะกลับมาไหลต่ออีก 3 นาที หยุด 57 นาที วนไปทั้งวัน ซึ่งกรณีไฟดับหรือไม่เสียบปลั๊ก จะใช้ได้นานถึง 48 ชั่วโมง( กรณีแบตเตอรี่สำรองไฟ ถูกชาร์จเต็ม)
ถ้าเสียบปลั๊กอยู่น้ำพุจะเลือกให้ทำงานได้ทั้ง Auto Mode หรือ Eco Mode แต่ถ้าถอดปลั๊กหรือไฟดับ ระบบจะล็อกที่ Eco Mode โหมดเดียว กดเปลี่ยนไม่ได้
การเปลี่ยนโหมด ให้ปลดล็อกก่อน แล้วกดที่ปุ่ม Mode กดไปแต่ละครั้ง ก็จะเปลี่ยนสลับกันะหว่าง 2 โหมดนี้ โดยจะเห็นที่ไฟขึ้น Auto หรือ Eco
กรณีที่ถอดปลั๊กหรือไฟดับจะมีไฟสัญญลักษณ์รูปแบตเตอรี่สีแดงขึ้นมา พร้อมไฟโหมด Eco
Thai Smart Pet Products
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
Thai Smart Pet Products
เราเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์ระดับโลกที่มีคุณภาพ ใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีระดับสูง อาทิเช่น PETKIT, PETONEER, VOOCOO, AirRobo ฯลฯ เราเป็นบริษัทฯที่มีวิสัยทัศน์ของการเลี้ยงสัตว์ในยุค Digital Transformation จึงเน้นเรื่องของการบริการทางเทคโนโลยี โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ เราไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ขายสินค้า แต่จะเป็นเพื่อนคู่คิดที่จะทำให้การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของท่านเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ไร้กังวล
เบอร์โทร : 064-958-5955
อีเมล : sales@thaismartpet.com
อีเมล : sales@thaismartpet.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม